[หน้าแรก] [เนื้อหา]
ปฏิบัติการเรื่องลิงค์เกทและครอสซิ่งโอเวอร์
การศึกษาการเกิด ครอสซิงโอเวอร์ในรา Sordaria fimicola รา Sordaria fimicola
เป็นราที่อยู่ใน Phylum Ascomycota ซึ่งราใน Phylum นี้ ลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งคือ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศจะสร้างสปอร์ที่เรียกว่า ascospore ในถุงascus และรวมกันอยู่ในโครงสร้างที่เรียกว่า perithecium
ช่วงชีวิตส่วนใหญ่ของราชนิดนี้เป็นhaploid เมื่อมีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เส้นใยของราจะมาเชื่อมกันซึ่งเส้นใยราที่มาเชื่อมกันนี้อาจเป็นสายพันธุ์เดียวกันหรือต่างสายพันธุ์กันก็ได้ ทำให้นิวเคลียส 2
นิวเคลียสอยู่ในเซลล์เดียวกัน (heterokaryon)แล้วนิวเคลียสทั้ง 2 รวมกันได้ zygote (2N) จาก zygote แบ่ง meiosis และตามมาด้วย mitosis ได้ ascosporeจำนวน 8 อัน
รา S. fimicolaเป็นราที่นิยมใช้มากในการศึกษาทางด้านพันธุ์ศาสตร์ โดยเฉพาะใน การศึกษาการแยกตัวของ ascospore
สีต่างๆที่เป็นผลมาจากการเกิดครอสซิงโอเวอร์ขณะที่มีการแบ่งmeiosis
วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาการเกิดครอสซิงโอเวอร์ในราS. fimicola 2. หาระยะทางระหว่างยีนกับเซ็นโตเมียร์
อุปกรณ์ 1. เชื้อรา Sordaria fimicola 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ที่ให้ ascospore สีดำ (+) และ
สายพันธุ์สีน้ำตาล (b) 2. กล้องจุลทรรศน์ 3. สไลด์ และกระจกปิดสไลด์ 4. เข็มเขี่ยเชื้อ 5. ตะเกียงแอลกอฮอล์
6. แอลกอฮอล์ 70% 7. อาหารเลี้ยงเชื้อที่ใช้เลี้ยงราเพื่อกระตุ้นให้เกิดการผสม(crossing media) ซึ่งมีสูตรดังนี้
corn meal agar 17.0 กรัม
sucrose 10.0 กรัม
glucose 7.0 กรัม
KH2PO4 0.1 กรัม
Yeast extract 1.0 กรัม
น้ำกลั่น 1.0 ลิตร
วิธีทำ 1. ทำการผสม Sordaria fimicolaทั้ง 2 สายพันธุ์
1.1 นำเอาจานเลี้ยงเชื้อที่มีอาหารที่ใช้เลี้ยงราเพื่อกระตุ้นให้เกิดการผสม ที่ก้นแก้ว
ใช้ปากกาเขียนแก้วขีดเป็น 4 ช่อง และเขียนเครื่องหมาย + และ b สลับกันไว้ ดังรูป กลุ่มละ 2 จาน
1.2 ใช้เข็มเขี่ยจุ่มลงในแอลกอฮอล์ 70% แล้วลนไฟให้ร้อนแดง ปล่องทิ้งไว้ให้เย็น ใช้เข็มเขี่ยตัดชิ้นวุ้นที่มีรา S. fimicolaสายพันธุ์ + และ b วางลงบนอาหารเลี้ยงเชื้อในจานที่ทำเครื่องหมาย +แ
ละ b นำเชื้อไปเก็บในที่มืดที่อุณหภูมิห้อง 1.3 เชื้อรา S. fimicola ทั้ง 2 สายพันธุ์ จะเจริญมาพบกันภายใน 7-10 วันตรงบริเวณรอยต่อ
ที่เชื้อรามาพบกัน จะสังเกตเห็นperithecium มีลักษณะเป็นเม็ดสีดำ
2. การตรวจดูสปอร์ 2.1 ใช้เข็มเขี่ยลนไฟ เขี่ยเอา perithecium ตรงบริเวณที่เชื้อราทั้ง2 มาพบกัน วางลงบนสไลด์
ที่สะอาด หยดน้ำ 1 หยด ปิดด้วยกระจกสไลด์ 2.2 ใช้ด้ามเขี่ยกดบนกระจกสไลด์เบาๆ พอให้ preithecium แตกออก นำไปส่องกล้องจุลทรรศ
น์ จะเห็น asci ที่มีรูปร่างเป็นถุงยาวๆ หลุดออกมา นับจำนวน asci ที่ไม่เกิดครอสซิงโอเวอร์และจำนวน asci ที่เกิดครอสซิงโอเวอร์
ให้ศึกษา Linkage ในแมลงหวี่ ลักษณะที่ใช้ 2 ลักษณะในแมลงหวี่คือ 1.ลักษณะสีของลำตัว (สีน้ำตาลเทาปกติ , สีดำ )
2.ลักษณะปีก ( ปีกยาวคลุมลำตัว , ปีกกุด ) P Gray, Long X Black , Vestigial
F1 (heterozygote) Gray, Long ให้F1 ผสมกันเอง ได้ F2
Gray,Long : Black , Vestigial : Gray, Vestigial : Black, Long
90 : 92 : 19 : 17
ให้หาระยะห่างของ gene ทั้ง 2 พร้อมทั้งเขียน แผนที่ gene ด้วย
|