ต้นอโศก เป็นต้นไม้ยืนต้น ซึ่งถ้าอยู่ในวัดจะทำให้ได้ร่มเงา บริเวณ ทำให้บริเวณวัดดูร่มเย็น นอกจากนี้ การมีต้นอโศก ซึ่งเป็นไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์แก่สัตว์ต่างๆ อาทิเช่น นกที่มาอาศัยทำรัง หรือบางทีอาจมีกระรอก มาอาศัย รอมถึงแมลงต่างๆ ด้วย
     จากรูปเราก็จะเห็นได้ว่า ต้นอโศกนี้จะสามารถทนต่อแสงแดดที่สาดส่องลงมาทั้งวันมา
ตลอดหลายปี และนอกนี้ ต้นอโศกก็ยังสามารถทนต่อความหนาวเย็น และยังทนต่อการขาดแคลนน้ำได้ดีกว่าคน นอกจากนี้จะสังเกตที่พื้นมีการปูด้วยอิฐ ซึ่งสำหรับต้นอโศกแล้วเมื่อต่อไปเจริญเติบโตขึ้น ลำต้นใหญ่ขึ้น มันจะขยายลำต้นออกทำให้อิฐเหล่านี้จะหลุดออกไปได้ นอกจากนี้ ถ้าเราสังเกตบริเวณที่ลำต้นจะพบว่ามีการตอกเอาไม้มาติดเป็นป้าย ซึ่งต้นไม้ยังทนต่อได้ นอกจากนี้ยังสังเกตด้วยว่าการปลูกต้นอโศกจะช่วยเพิ่ม gas O2 ในอากาศ เพราะใบอโศกจะทำการสังเคราะห์แสดงโดยใช้ CO2 และน้ำและใช้แสงแดด จะได้ C6H12O6 ซึ่งต้นอโศกจะนำไปใช้ประโยชน์ต่อปล่อย gas O2 ออกมา ทำให้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ และจะเห็นค่าใบของต้นอโศกต้องการแสงแดดในการสังเคราะห์แสง ใบจึงพยายามแผ่ออกไปเพื่อให้ได้รับแสงได้มากที่สุด โดยในการสังเคราะห์แสงจะทำให้สามารถผลิต C6H12O6 นี้ จะเป็นสารปฐมภูมิ ของพวกคาร์โบไฮเดรต และเป็นสารทุติยภูมิ สำหรับพวกน้ำมันหอมระเหย ยาง (terpene)

ชื่อนิสิต นายเริงชัย อารยะนรากูล
รหัส ID. 4130438421


ไร่น่าป่าเขา

      จากรูปจะเห็นได้ว่าสภาพพื้นที่เป็นภูเขา และเนินเขาโดยส่วนมาก ดังนั้นเวลาที่จะทำการเกษตร จึงต้องทำให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ พื้นที่ที่เป็นภูเขาจะต้องปลูกพืชแบบขั้นบันได จึงจะเหมาะสม
     และเป็นวิธีที่นิยมเนื่องจากช่วยลดการชะล้างบริเวณผิวหน้าของดินและช่วยลดการพังทลายของดิน ถ้าปลูกแบบธรรมดาเวลาฝนตก ฝนก็จะชะล้างความอุดมสมบูรณ์ของหน้าดินไป ทำให้ผลผลิตลดลง และเมื่อฝนตกหนักก็อาจจะเกิดการาพังทลายของดินได้ นอกจากนี้ การปลูกพืชแบบขั้นบันไดยังทำให้ดูสวยงามและเป็นระเบียบขึ้น สะดวกในการเก็บเกี่ยวพืชผล จากรูปจะเห็นว่ามีการปลูกพืชผสมผสานหลายชนิด ได้แก่ ข้าว มะพร้าว และกล้วย โดยจะมีมะพร้าวและข้าวเป็นส่วนมาก และมีกล้วยบ้างบริเวณด้านล่าง

ชื่อนิสิต น.ส. ปิยพรรณ อชิรกุล


     พืชทำให้เกิดภูมิประเทศที่สวยงาม ให้ความรู้สึกร่มรื่น สดชื่น จากแหล่งน้ำบริเวณส่วนล่างของภาพ ทำให้นึกจินตนาการถึงสิงสาราสัตว์ที่ซ่อนตัวอยู่ ส่งเสียงอื้ออึง ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ผิดกับถ้าเราลองนึกว่ามีเพียงทางให้รถวิ่งขึ้นเนินเฉยๆ โดยปราศจากพืชเหล่านี้ ก็คงจะขาดสีสันและความเพลิดเพลินใจในขณะขับรถ นอกจากนี้ ความหลากหลายของพันุ์พืชในภาพนี้ยังแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของบริเวณแห่งนี้อีกด้วย

ชื่อนิสิต น.ส. ณัฏฐะ มหัทธนา
รหัส ID. 4030133921


     ธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา เราอาจจะอยู่ด้วยความคุ้นเคย จนทำให้เรามองข้ามความสำคัญ และความจำเป็นของธรรมชาติไป ถ้าหากเราลองมาทบทวนให้ดีเราจะพบว่าจริงๆ แล้ว การดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์นั้นไม่สามารถ อยู่ได้ถ้าหากเรามิได้พึ่งพาธรรมชาติทางด้านใดด้านหนึ่ง เช่น ที่อยู่อาศัย เครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ
     ธรรมชาติเป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อาหาร พืชเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่สามารถสังเคราะห์อาหารได้เอง และทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ดำรงอยู่ได้ นอกจากเป็นอาหารแล้ว เราสามารถนำต้นไม้มาทำที่อยู่อาศัยได้ จากรูปจะพบว่า มนุษย์ได้พึ่งพาธรรมชาติเป็นอย่างมาก นอกจากนำต้นไม้มากใช้ทำที่อยู่อาศัยแล้ว บ้านที่ปลูกอยู่ใต้ต้นไม้เพื่ออาศัยร่มเงาในยามมีแดด สามารถผ่อนคลายความแรงของลม และฝนได้ เมื่อเกิดพายุความเชียว และสีสรรของต้นไม้ โดยรอบเสมือนภาพวาดให้เราได้มองผ่อนคลาย และช่วยเติมความงามให้กับบ้าน ซึ่งมีสีไม่สดใสทำให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นได้ ถึงแม้จะมีต้นไม้ที่ไม่มีใบอยู่ แต่ก็เป็นความงาม
     ที่ดูแปลกตาไปอีกแบบ ซึ่งอาจจะทำให้เราได้มองเห็น ถึงชีวิตและความจริงของชีวิตว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วย่อมมีการร่วงโรยไปตามกาลเวลา ไม่มีสิ่งใดที่จะยั่งยืน มีแต่ความเสื่อมลง แต่หลังจากความเสื่อมนั้นแล้ว ก็ยอมมีสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนอยู่เสมอ เพื่อให้วัฏจักรดำเนินไปได้ เหมือนกับสังคมมนุษย์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ สิ่งเก่าๆ ก็จะเสื่อมถอยไปตามลำดับและจะมีสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนอยู่เสมอ เช่น เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่อำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต แต่สิ่งใดมีคุณอนันต์ หากเราใช้แบบขาดการไตร่ตรอง มันอาจเป็นสิ่งที่จะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างที่เราคาดไม่ถึง เช่น ในยุคที่เราหลงไหลกลับเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนลืมคิดถึงธรรมชาติ จนทำให้ธรรมชาติถูกทำลายไปเป็นอย่างมาก จนเกิดความเดือดร้อนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิที่สูงขึ้น แหล่งน้ำถูกทำลาย ฤดูกาลที่เปลี่ยนไปจากสิ่งที่เกดขึ้นเหล่านี้ ทำให้เราคิดได้ว่าธรรมชาติมีความจำเป็นต่อเราเพียงใด
     ดังนั้น เมื่อเราตระหนักได้ว่าธรรมชาติ มีความจำเป็นต่อเราเพียงใดแล้ว เราควรคิดที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติให้ดีที่สุด พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน หากสิ่งหนึ่งถูกทำลายไป เราก็อาจจะดำรงชีวิตอยู่อย่างปกติสุขไม่ได้ เราควรตระหนักอยู่เสมอว่าธรรมชาติให้อะไรแก่เราบ้าง และเราควรจะตอบแทนธรรมชาติอย่างไร เพื่อที่จะได้มีธรรมชาติ ป่าไม้ให้เราได้ใช้ประโยชน์ต่อไป

ชื่อนิสิต น.ส. วิชุดา มงคลตรีลักษณ์
รหัส ID. 3932981623