จากการสังเกตเราอาจจะพอทราบว่ามีพืชอะไรที่เจริญได้ในสภาพดินที่มีปัญหา
แต่จะมีเฉพาะนักพฤกษศาสตร์เท่านั้นที่สนใจและค้นคว้าหาความลับของกลไกในการปรับตัวที่ยอดเยี่ยมนี้
3. ทนต่อการทำลาย
ทั้งพืชป่าและพืชปลูกจะมีโรคและศัตรูอื่น ๆ ทำลายตั้งแต่ระยะกล้าไปจนถึงระยะออกดอกผล
โรคอาจเกิดจากเชื้อต่าง ๆ เช่นเดียวกับคนและสัตว์อันได้แก่ไวรัส
แบคทีเรีย และเชื้อรา
สัตว์มีตั้งแต่ขนาดเล็กมาก เช่น ไส้เดือนฝอย ซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นที่ดูดกินน้ำเลี้ยงจากราก
แมลงมากมายทั้งปากดูดและปากกัด สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาก็คือ หนูและค้างคาวไปจนถึงสัตว์ขนาดใหญ่ที่กินพืชทีละมาก
ๆ เช่น ยีราฟ และช้าง แต่สัตว์ทั้งหลายเหล่านี้รวมกันแล้วยังทำลายพืชไม่มากเท่าคน
ซึ่งใช้ประโยชน์จากพืชมากที่สุด แต่กลับทำให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อพรรณพฤกษชาติมากที่สุด
มนุษย์เรียนรู้เรื่องการเพาะปลูกและการขยายพันธุ์พืช แต่มนุษย์ได้ตักตวงทุกอย่างที่ได้จากการเกษตร
แทบจะไม่เหลืออะไรคืนให้ธรรมชาตินอกจากมลภาวะ
นอกจากนี้ในแต่ละปียังต้องผจญกับภัยธรรมชาติในส่วนต่าง
ๆของโลกอันมีทั้ง น้ำท่วม ฟ้าผ่า ไฟป่า ความแห้งแล้ง พายุร้าย
อย่างไรก็ตามมีการศึกษาผลกระทบจากพายุเฮอริเคนที่เกิดในแถบคาริบเบียนพบว่า
การฟื้นตัวบางส่วนของปะการังในทะเลและต้นไม้ในป่าที่ถูกทำลายโดยพายุจะง่ายและเร็วขึ้น
แต่ที่สำคัญต้องไม่มีคนเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำลายธรรมชาติเหล่าน
|