[หน้าแรก] [เนื้อหา] [ปฏิบัติการ] The Chemical Basis Of Heredity ภาพการศึกษาและการทดลองเกี่ยวกับ DNA และสารพันธุกรรม
รูปที่ 1 การทดลองของ Griffith โดยใช้ Diplococcus pheumoniae เพื่อพิสูจน์ว่าปัจจัยทีเกี่ยว ข้องกับการสร้าง capsule ในสายพันธุ์ S สามารถถูกถ่ายทอดไปยังสายพันธุ์ R ได้
รูปที่ 2 การทดลองของ Avery MacLeod และ McCarty แสดงว่า DNA เป็นสารพันธุกรรมโดยผ่านกระบวนการ transformation
รูปที่ 3 การทดลองของ Hershey และ Chase โดยใช้ T2 bacteriophage ที่ labeled ด้วย 32P และ 35S เพื่อพิสูจน์ว่า DNA เป็นสารพันธุกรรม
รูปที่ 4 การทดลองของ Fraenkel-Conrat และ Singer โดยใช้ TMV เพื่อพิสูจน์ว่า RNA เป็นสารพันธุกรรม
รูปที่ 5 ก. โมเลกุลของ base น้ำตาล ข. โมเลกุลของนิวคลีโอไทด์ที่เชื่อมต่อกันเป็นสาย polynucleotide
รูปที่ 6 ภาพถ่ายเส้นใย DNA โดยใช้ X-ray diffraction ของ Frankin และ Wilkins ทำให้ทราบระยะห่างระหว่างคู่ของเบสเท่ากับ 0.34 nm.
รูปที่ 7 คู่ base จับกันด้วยพันธะไฮโดรเจนเป็น complementary base pair
รูปที่ 8 โครงสร้างของ DNA แบบ B ก. Molecular model B-DNA ข. Stylized diagram ค. Major and minor grooves และโครงสร้างแบบ Z ง. Z-DNA
รูปที่ 9 การจัดระเบียบของสารพันธุกรรม ก.ในไวรัส small RNA phage และ polyoma ข. ในแบคทีเรีย (E. coli)
รูปที่ 10 โครงสร้างของ nucleosome
รูปที่ 11 การจัดระเบียบของ DNA ในโครมาตินระยะต่าง ๆ
รูปที่ 12 กลไกของการจำลองตัวเองของ DNA มีการเสนอไว้เป็น 3 แบบ ก. semiconservative ข. conservative ค. dispersive model
รูปที่ 13 การทดลองของ Meselson และ Stahl เพื่อพิสูจน์ว่า DNA มีการจำลองตัวเองแบบ semiconservative
รูปที่ 14 กลไกการสังเคราะห์ DNA เกิดโดยการเพิ่มโมเลกุลของนิวคลีโอไทด์ที่ปลาย 3'-OH ของโมเลกุลน้ำตาล
รูปที่ 15 กระบวนการสังเคราะห์ DNA ก. แสดงชนิดต่าง ๆ ของเอนไซม์ ข. แสดง Okazaki fragment
รูปที่ 16 ความผิดปกติที่เกิดเนื่องจาก metabolic block เป็นผลของการเกิดมิวเตชัน ทำให้เกิดความผิดปกติแบบต่าง ๆ |